บางทีผมก็สงสัยในวิธีที่เราแยกแยะความดีออกจากความชั่ว ความถูกออกจากความผิด พระเอกออกจากผู้ร้าย และอื่นๆที่คล้ายกัน
ในวิธีที่เราจะวัดความดีชั่วถูกผิดออกจากกัน เราต้องมีการ’วัด’ (measure) ในวิธีการใดวิธีการหนึ่งเสมอ เช่น การฆ่าสัตว์เป็นการกระทำผิดในสังคมหนึ่ง แต่ก็อาจเป็นกีฬาในอีกสังคมหนึ่ง การฆ่าคนมีความผิดตามกฎหมาย แต่การฆ่าศัตรูของทหาร กลับกลายเป็นวีรบุรุษ
ในการกระทำเดียวกัน ถูกหรือผิด เป็นไปได้ทั้งนั้นใน’บริบท’ (context) ที่แตกต่างกัน
เป็นไปได้หรือไม่ว่า ‘การกระทำ’ (action) ที่เป็นเหตุของความถูกผิดนั้นไม่มีจริง มีแต่ ‘การกระทำ’ ที่อยู่ใน ‘บริบท’ เท่านั้นที่จะบอกได้ว่าสิ่งใดคือถูกหรือสิ่งใดคือผิด ซึ่งนั่นก็ทำให้ความคิดอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาว่า ถูกหรือผิด ไม่ได้คงอยู่แบบถาวรและตายตัว และไม่เคยมีอะไรจริงในสิ่งที่ถูกหรือผิดนั้น
ถูกหรือผิด ดีชั่ว ล้วนเป็นความหมายที่เราให้จากการกระทำที่กำเนิดขึ้นภายในบริบทนั้นๆ
ถ้าเรามองจากมุมมองที่ต่างกัน บริบทที่แวดล้อมการกระทำนั้นก็จะต่างกัน การตัดสินถูกผิดชั่วดีก็จะต่างกัน และนี่คือสาเหตุสำคัญที่มนุษย์ห้ำหั่นกันด้วยเลือดเนื้อและชีวิตในสงคราม เพื่อแลกกับความถูกต้องซึ่งเป็นความหมายที่ให้กับการกระทำบางอย่างที่เกิดขึ้นในบริบทของมุมมองของตน และมันก็เป็นเช่นนี้มาหลายพันปี มากพอๆกับการดำรงอยู่ของมนุษย์
มนุษย์ ไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าเครื่องจักรที่ให้ความหมายกับทุกๆสิ่งที่อยู่รอบตัวมนุษย์
และมนุษย์ ก็ไม่เคยเห็นเลยจริงๆว่า ในโลกของสรรพสิ่งที่มนุษย์อาศัยอยู่นั้น มันไม่เคยมีอะไรที่มีอยู่จริง ทุกอย่างที่เราคิดว่ามันมีอยู่จริง มันคงอยู่ได้เฉพาะในภาษาและความหมายที่เราให้กับมันเท่านั้น