ผมเป็นพวกที่เชื่อในการสร้างความเป็นไปได้ภายในบริบท
อาจจะเป็นเพราะเป็นสถาปนิกที่ต้องทำการ ‘สร้าง’ ที่อยู่ในบริบทของบางสิ่งบางอย่างตลอดเวลา ก็เลยมีความคิดที่ออกจะโบราณนิดนึงในการสร้างสรรค์ ที่จนถึงตอนนี้ ก็ยังมองไม่เห็นการสร้างสรรค์แบบอื่น ที่เต็มไปด้วยอิสระในวิธีที่ปฏิเสธบริบท ทั้งในทางกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม
ในทางการตลาด เป็นไปได้ที่จะสร้างบทสนทนาขึ้นมาจากความว่างเปล่าโดยไม่ได้ก่อกำเนิดขึ้นจากบริบทใดๆ เป็นนิยายเพื่อจูงใจผู้คน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ผู้คน ‘เลือก’ ที่จะซื้อในบทสนทนานั้น โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบในการส่งมอบการ ‘สร้าง’ เพราะนั่นคือสิ่งที่การตลาดทำงาน มีไว้เพื่อการ ‘ขาย’ จูงใจให้ผู้คนหลงเชื่อ ตื่นเต้น หลงไหล หรือแม้กระทั่งเกลียดชัง เมื่อคนหลงเชื่อ ‘ซื้อ’ แล้วก็จบกับ
ไปต่อไม่ได้
เพราะบทสนทนาของการขายที่เต็มไปด้วยแนวคิดหรืออุดมการณ์ที่เร่าร้อน อาจไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากบริบทใดๆอันจำเป็นสำหรับการ ‘สร้าง’ และแน่นอนบทสนทนาของการสร้าง จะไม่ตื่นเต้นหวือหวาเท่ากับบทสนทนาของการขาย เพราะต้องประมวลเอาบริบททั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นมิติทางกายภาพ สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อ ประเพณี เศรษฐกิจ ชนชั้นต่างๆไปพร้อมๆกัน และในบางครั้งบทสนทนาของการสร้าง มันน่าเบื่อและไม่ชัดเจน แต่เปี่ยมไปด้วยแนวคิดและอุดมการณ์ที่จะสร้าง ที่สำคัญเมื่อเราซื้อในบทสนทนานั้นแล้ว มันจะสามารถพาไปสู่การ ‘สร้าง’ ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ในทันที
บทสนทนาของการสร้าง ไม่มีอคติ ความเกลียดชัง พระเอกหรือผู้ร้ายอยู่ในนั้น เพราะบทสนทนาของการสร้างนั้นไม่มีการตัดสิน (judgmental) เพราะล้วนโอบกอดทุกสิ่งเป็นบริบทของการสร้าง บทสนทนาของการสร้างจะพาไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆเสมอ และสามารถโน้มน้าวผู้คนได้อย่างแท้จริง (authenticly) ไม่ว่ามิตรหรือศัตรู ไปสู่ความเป็นไปได้นั้นร่วมกัน โดยไม่ต้องพยายามที่จะจูงใจหรือใช้เหตุผล บทสนทนาของการสร้างจึงเป็นบทสนทนาของผู้นำ ที่เรียบง่ายและทรงพลัง
ผมเชื่อในการโน้มน้าว (enrollment) ที่เกิดจากบทสนทนาของการสร้างมากกว่าบทสนทนาของการขาย และเชื่อว่ามีแต่บทสนทนาของการสร้างเท่านั้นที่จะพาสังคมไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ ที่ไม่มีขีดจำกัด และยั่งยืน