ประเทศไทยกำลังเดินทางเข้าสู่บริบททางเศรษฐกิจที่ท้าทายที่สุดสำหรับการพัฒนา และที่น่ากังวลคือรัฐบาลไม่ได้เตรียมทางออกใดๆใว้ให้กับประชาชนเลย ในบริบทของโลกที่เรากำลังเดินทางเข้าไปสู่นั้น
ความผันผวนทางเศรษฐกิจของโลกพาเราเข้าไปสู่สถานการณ์ที่เงินบาทอ่อนค่าลงที่สุดในรอบ 16 ปี เกือบจะลงไปแตะระดับเดียวกับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 40 แม้ว่าจะมีความพยายามในการแทรกแซงเพื่อพยุงค่าเงินบาทไปแล้วหลายแสนล้านบาท ก็ไม่สามารถที่จะยันค่าเงินบาทที่อ่อนตัวอย่างรวดเร็วนี้ไว้ได้เลย
หลายคนมีความหวังว่าการท่องเที่ยวและการส่งออกจะเข้ามาช่วยได้ในสถานการณ์แบบนี้ เสียดายว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น การท่องเที่ยวยังไม่สามารถกลับมาพลิกสถานการณ์ได้เต็มที่เนื่องมาจากโรคระบาดยังไม่หายไป การส่งออกทั้งอุตสาหกรรมและการเกษตรก็ต้องพึ่งพาพลังงาน ปุ๋ย และวัตถุดิบหลายอย่างที่แพงขึ้นและขาดแคลน การระบาดของโควิดที่กินเวลาถึง 2 ปีก่อนหน้านี้ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมด้านท่องเที่ยวของไทยอยู่ในสภาพโคม่าจนไม่สามารถกลับมาทำเงินให้ประเทศได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ภาครัฐก็ไม่ได้ใช้เงินในการเข้ามาเยียวยาฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเหมาะสมเลยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวและส่งออกจึงอยู่ในสภาพที่อ่อนแออย่างสาหัส และไม่สามารถผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้มากนัก แม้ว่าค่าเงินบาทที่อ่อนลงอาจจะทำให้เราดูเหมือนจะได้เปรียบอยู่บ้าง
ภาคธุรกิจการผลิตของไทย ยังถูกทำให้อ่อนแอด้วยค่าพลังงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค่าน้ำมันเพื่อการผลิตและขนส่ง และค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นเป็น 10 เท่าจากค่า FT ที่ถูกกำหนดอย่างอิสระ และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผลิตไฟฟ้าของเอกชน ทำให้ต้นทุนการผลิตของเอกชนสูงขึ้นจนไม่ได้สัดส่วนกับกำไร หนี้ค่าพลังงานของเอกชน ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้าหรือค่าน้ำมัน เป็นภาระที่ประชาชนต้องแบกไว้ในระหว่างที่พยายามสร้างการผลิตไปด้วย เป็นภาระที่หนักที่สุดเมื่อรวมเข้ากับภาระหนี้ที่มีกับสถาบันการเงิน และเป็นภาระที่เอกชนต้องแบกรับไว้ฝ่ายเดียวโดยที่รัฐไม่มีนโยบายใดๆที่เข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ในสัดส่วนที่เหมาะสมเลย การละเลยของรัฐนี้ ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการท่องเที่ยวที่ควรจะเป็นตัวช่วยของประเทศ อ่อนแอลงไปอย่างมาก จนอาจไม่แข็งแรงพอที่จะประคองประเทศต่อไปได้นานนัก
วิกฤติการเงินในจีนที่กำลังเกิดขึ้น เป็นอีกบริบทหนึ่งที่ทำให้ไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก หลังจากที่รัฐบาล คสช. ขึ้นมาเถลิงอำนาจ ก็มีนโยบายที่นำเศรษฐกิจของไทยไปพึ่งพาการค้าขายกับจีนค่อนข้างมาก ในวันนี้วิกฤติการเงินในจีนที่ประชาชนในเมืองเล็กๆในจีนไม่สามารถออกไปถอนเงินจากธนาคารเพื่อมาจ่ายค่าผ่อนจ่ายค่าคอนโดหรือบ้านได้ กำลังทำให้วิกฤติการเงินและวิกฤติด้านอสังหาริมทรัพย์ในจีนลุกลามใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ ไทยที่มุ่งจะค้าขายกับจีนเป็นหลักเพียงอย่างเดียวในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา โดยลดการเจรจากับตลาดยุโรปและอเมริกาลง เป็นพื้นฐานที่กำลังจะทำให้เศรษฐกิจของไทย อยู่ในภาวะวิกฤติไปตามกัน นักท่องเที่ยวจากจีนที่เคยเป็นท่อน้ำเลี้ยงใหญ่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเรา ก็อ่อนแอตามไปด้วย ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจภายในและโรคระบาด การอ่อนแอลงของจีน จึงทำให้ไทยภายใต้การนำของรัฐบาลที่มีแนวคิดทางเศรษฐกิจที่จำกัด อยู่ในภาวะที่ลำบากในวันนี้
ภาคการเกษตรเพื่อส่งออก ไม่ได้รับการพัฒนามาเลยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการเจรจาทางการค้าใดๆเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนค้าขายสินค้าการเกษตรที่ทำให้ประเทศไทยได้เปรียบ ถ้าดูปัจจัยหลักเรื่องการส่งออกข้าวเพียงปัจจัยเดียวก็พอจะเห็นภาพได้ชัด ประเทศไทยไม่ได้ส่งข้าวเป็นอันดับต้นๆของโลกอีกต่อไป เวียดนามและอินเดียก้าวหน้าข้ามเราไปอย่างรวดเร็ว และรัฐบาลไม่ได้มีนโยบายใดๆเลบ ที่พยายามจะสนับสนุนให้ข้าวไทยอยู่ในลำดับการผลิตและส่งออกในลำดับต้นอย่างที่เราเคยเป็น การส่งออกสินค้าเกษตรจึงไม่ได้เป็นตัวช่วยที่อาจจะช่วยประเทศไทยได้ อย่างที่หลายคนคิดกัน
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐก็แข็งค่าเงินอย่างน่ากังวล ในขณะที่ธนาคารกลางพยายามขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดเงินเฟ้อ แต่ตัวเลขเงินเฟ้อก็ยังพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบหลายสิปปีไปอยู่ที่ 9.1% มีความกังวลในสถานการณ์ที่ยัง ‘เอาไม่อยู่’ ของสหรัฐนี้เช่นกัน เมื่อรวมกับความ ‘ไม่เสถียร’ ของจีนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้การคาดการณ์อนาคตของไทย อยู่ในความน่าวิตกไปด้วย เมื่อหันมามองรัสเซีย ‘มหามิตร’ ของรัฐบาลทหารไทยนั้น ก็ไม่ได้อยู่ในภาวะที่จะช่วยเหลือเราได้ เนื่องจากการริเริ่มไปทำสงครามในยูเครนนั้น ก็สร้างข้อจำกัดหลายประการในการลงทุนและทำธุรกรรมกับต่างชาติ ไทยที่หวังว่าวันหนึ่งรัสเซียจะเข้ามาช่วยเราในทางเศรษฐกิจในบริบทเดียวกับจีนนั้น ก็อาจจะไม่เกิดขึ้นในเวลาที่รัฐบาลทหารของไทย ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด
รัฐบาลไทยยังทิ้งไพ่ผิดใบในความขัดแย้งในภูมิภาคในกรณีของพม่า โดยการเข้าไปสนับสนุนการทำรัฐประหารของรัฐบาลทหารพม่า เพียงเพราะจะสร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหารของไทยโดย คสช. เท่านั้น รัฐบาลทำการสนับสนุนดังกล่าวส่วนหนึ่งก็เพราะเข้าใจเอาเองว่าจีนต้องการให้การสนับสนุนรัฐบาลทหารของพม่าเพื่อผลประโยชน์ในการลงทุน จนกระทั่งเมื่อจีนได้ประกาศท่าทีชัดเจนในทางเดียวกับสหรัฐในการที่ต้องการเห็นการพูดคุยที่ยุติธรรมสำหรับทั้งฝั่งทหารและฝ่ายประชาธิปไตยในพม่าเมื่อไม่นานที่ผ่านมา และรัฐบาลทหารพม่าต้องวิ่งเข้าไปหาความช่วยเหลือจากรัสเซีย คำถามคือในสถานการณ์นี้ รัฐบาลไทยจะยืนอยู่ที่ใด และการยืนยันที่จะสนับสนุนรัฐบาลทหารพม่าต่อไป จะเป็นเหตุให้ไทยไม่ได้รับความช่วยเหลือต่างๆ รวมทั้งความช่วยเหลือทางการค้าและเศรษฐกิจอย่างที่ควรได้หรือไม่ เป็นคำถามที่รัฐบาลควรตอบให้ได้อย่างชัดเจน
การล่มสลายทางเศรษฐกิจของศรีลังกาเป็นตัวอย่างสำคัญที่เราควรจะกลับมามองดูประเทศไทยที่เรารักอย่างจริงจังอีกครั้ง การดำเนินการบริหารประเทศของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันใน 8 ปีที่ผ่านมา มีหลักฐานมากมายที่ทำให้เห็นได้ชัดว่า ไม่มีความสามารถและศักยภาพมากพอที่จะบริหารประเทศได้ในบริบทของโลกในปัจจุบัน การเป็นคนดีนั้นสำคัญด้วยว่าเป็นคนดีในบริบทใด ระบอบประชาธิปไตยจึงเปิดโอกาสเสมอให้คนดีที่เห็นแก่ประโยชน์ประเทศมากกว่าประโยชน์ของตนและพวกพ้อง สามารถลาออกได้เมื่อเห็นว่าตนเองไม่สามารถบริหารบ้านเมืองให้รอดไปจากบริบทของโลกที่เปลี่ยนไปได้ การดื้อดึงเอาแต่อัตตาของตนเป็นที่ตั้ง ไม่สามารถพาให้ประเทศไทยผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้แน่นอน
การลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสัปดาห์หน้านี้ จึงสำคัญอย่างมากที่ สส.ทุกคนต้องยกมือไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เพื่อการเอาชนะหรือต่อรองทางการเมือง แต่เป็นความรับผิดชอบเดียวที่มีที่ สส.ทุกคนพึงกระทำเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นโดยพลัน เช่นเดียวกับที่การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ที่ผ่านมาได้ทำให้เราเห็นอย่างชัดเจนแล้ว และการดำเนินการต่อไปอีกแม้แค่เพียงเดือนเดียวของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศทรุดลง จนอาจจะถึงจุดหนึ่งที่แก้ไขไม่ทันอย่างศรีลังกา ก็อาจจะเป็นไปได้
ถึงเวลานั้น คนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนของความเชื่อทางการเมือง ทุกคนก็จะแพ้หมดครับ