มันจะไม่มี New Normal นะครับ
สิ่งนี้อาจจะทำให้หลายคนไม่ค่อยพอใจ แต่มันจะเป็นเรื่องจริงครับ
เหตุการณ์มรสุมอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคเป็นเพียงเหตุการณ์ชั่วคราวที่จะไม่สร้างการเปลี่ยนแปลงโลกในระดับ catastrophe ในวิธีที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ไปได้นะครับ เราจะรับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาลก็จริง แต่สุดท้ายมนุษย์ก็จะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้เสมอ จากสิ่งที่เรียกว่า Edge Of Chaos เข้าสู่ Far From Equilibrium แล้วก็เข้าสู่ New Equilibrium หรือที่ในทาง Thermo Dynamics เราเรียกว่า สมดุลย์ใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปรกติของระบบวิวัฒนาการ (Self Organisational) ทุกระบบ และชีวิตทั้งหลายก็จะกลับสู่สภาพสมดุลย์ใหม่นั้น เราจะกลับมาค้าขาย ซื้อของเดินตลาด ท่องเที่ยว กินอาหารแบบเดิม เพิ่มเติมก็แค่มีเทคนิคใหม่ๆเพิ่มขึ้นบ้าง แต่สุดท้ายชีวิตก็จะเข้าสู่สภาพปรกติ แม้ว่าไวรัสที่ทำให้เกิดโควิด 19 มันจะยังไม่หายไปทั้งหมด แต่ชีวิตเราในทางสังคมและชีวภาพก็จะเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมันได้ อัตราการตายก็จะน้อยลงในที่สุด ทั้งเราและไวรัสก็จะอยู่ร่วมกัน (co-exists) และเป็นระบบนิเวศน์ที่สมดุลย์
มันจะไม่มีโลกหลังโควิดครับ
เราและโควิดก็จะอยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้แบบสมดุลย์ อัตราการตายเนื่องจากไวรัสก็จะมีอยู่ต่อไปในอัตราที่ไม่ต่างมากจากโรคที่รักษาๆไม่หายต่างๆที่ก็ยังมีอยู่ในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการแพร่ระบาดของโรคอื่นๆที่เคยเกิดขึ้นอย่างรุนแรงมาแล้วในประวัติศาสตร์หลายครั้ง และทุกครั้งมนุษย์ก็จะเชื่อว่าโรคระบาดเหล่านั้นจะนำไปสู่โลกใหม่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในระดับ catastrophe แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่เคยเกิดขึ้นครับ โรคเหล่านั้นก็ยังอยู่ เราก็ยังอยู่ แล้วไปถึงจุดหนึ่งเราก็จะใช้ชีวิตต่อไปเหมือนเราไม่เคยมีมัน
สิ่งที่ขาดหายไปในบทสนทนาขณะนี้ ทั้งในฝั่งของรัฐบาลและประชาชน ก็คือความสามารถในการสร้างวิสัยทัศน์ไปสู่ภาวะสมดุลย์ใหม่ที่เหมาะสม ทั้งในทางสังคมและเศรษฐกิจ รัฐบาลยังเอาตัวรอดไม่ได้จากการฟื้นฟูสังคมขึ้นมาจากโรคระบาดเลย ยังดำเนินการทุกสิ่งอย่างงกเงิ่น ล่าช้า มองหาแต่ประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในเชิงการเงินและการสร้างฐานอำนาจ ซึ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในการนำพาประเทศไปสู่สมดุลย์ใหม่นั้นไม่ได้รับการวางแผนไว้เลย ส่วนในด้านของประชาชนก็ยังขาดวิสัยทัศน์ในการสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมไปสู่ความรุ่งเรืองในภาวะสมดุลย์ใหม่ เรายังไม่สามารถก้าวข้ามความหวาดกลัวของโควิด 19 ได้ เราคิดว่ามันน่ากลัวจนกระทั่งกำหนดให้เราต้องเปลี่ยนภาวะปรกติของเราไปสู่ภาวะปรกติแบบใหม่ที่เต็มไปด้วยความกลัวที่มีต่อโรค New Normal ที่เราเราเรียกกัน เบื้องหลังของมันคือความหวาดกลัวที่เรามีต่อโรค และความหวาดกลัวนั้นจะกดเราเอาไว้ ทำให้เราไม่สามารถก้าวข้ามโควิด 19 ไปสู่ภาวะสมดุลย์ใหม่ทางเศรษฐกิจที่รอเราอยู่ได้ และนั่นคืออันตรายที่สุดสำหรับประเทศไทย ทั้งในทางเศรษฐกิจและสังคม
ในภาวะเศรษฐกิจและสังคมในแบบสมดุลย์ใหม่ หรือ New Equiliribrium นี้ โลกจะเป็นพลวัติมากขึ้นอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน มนุษย์จะพัฒนาทักษะทั้งในโลกเสมือนและโลกจริงที่มีวิวัฒนาการสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ เทคโนโลยี่และธรรมชาติจะทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว มันจะไม่มี ‘โลกจริง’ และ ‘โลกออนไลน์’ อีกต่อไป เพราะทั้งสองโลกนั้นจะทำงานร่วมกัน fold เป็นเนื้อเดียวกัน ในวิธีที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้ พลังงานมาจากธรรมชาติ สมดุลย์ของธรรมชาติกลายเป็นแหล่งพลังงานที่ปราศจากข้อจำกัดสำหรับมนุษย์ แหล่งพลังงานจากเทคโนโลยี่ใหม่ที่ให้ผลตอบแทนเป็นร้อยเท่าของปัจจุบันจะถือกำเนิดขึ้น
ทันทีที่โลกปรับตัวเข้าสู่สมดุลย์ใหม่ การแลกเปลี่ยนในระดับท้องถิ่น (local supply chain) จะเชื่อมโยงกลายเป็นหนึ่งเดียวกับ global supply chain ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยี่ ธุรกิจอาหารจะเป็นกลุ่มธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดที่ได้ประโยชน์จาก fluidity ของ local supply chain นี้ ผู้คนจะเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้นกว่าเดิมไม่ใช่น้อยลง และความต้องการที่จะไปถึงที่หมายเร็วที่สุดคือหัวใจในการพัฒนาระบบขนส่งทั้งสินค้าและบริการ ธุรกิจเราจะให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าที่มากขึ้นพอๆกับบริการ ประเทศไทย ทั้งประชาชนและรัฐบาล ควรจะเตรียมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) ที่สนับสนุนการเกิดใหม่ของธุรกิจเหล่านี้เพื่อสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างรวดเร็วในภาวะสมดุลย์ใหม่ และสนับสนุนให้ภาคธุรกิจสามารถทำงาน เริ่มต้นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมทั้งวิสาหกิจชุมชนต่างๆ ให้สามารถเจริญเติบโตแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว
ระบบธุรกิจที่จะทำให้ประเทศแข็งแรงได้มากที่สุดในสมดุลย์ใหม่ คือธุรกิจขนาดจิ๋ว (micro business economy) ซึ่งมีขนาดเล็กลงไปกว่า SME ในอดีต เรากำลังพูดถึงธุรกิจที่มีขนาดเล็กแบบ 1-2 คน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกำลังเข้าถึงทุนที่จะทำให้ธุรกิจขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพได้ แต่ธุรกิจขนาดจิ๋วนี่แหละ คือกลไกลที่สำคัญของประสิทธิภาพของระบบธุรกิจทั้งหมด เนื่องจากธุรกิจขนาดจิ๋วเหล่านี้ มีการสูญเสียน้อย และสามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิผลเสมอ ประเทศไทยในสมดุลย์ใหม่ จะถูกสร้างขึ้นจากเครือข่ายของธุรกิจขนาดจิ๋วนี้ ที่เชื่อมโยงกันเป็นโครงสร้างองค์รวมขนาดใหญ่จนสามารถก่อกำเนิดเป็นชุมชนและมี hive mind เป็นของชุมชนได้ เมื่อนั้นธุรกิจขนาดจิ๋วเหล่านี้แหละจะแข็งแรงเมื่อรวมกันและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่สมดุลย์ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเทศของเรา จะเดินหน้าต่อไปได้อย่างทรงพลัง ประชาชนและรัฐบาลต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต ในวิธีที่เป็นความเป็นไปได้สำหรับทุกๆคน การที่เราไม่ต่อต้าน หรือยอมแพ้กับการเปลี่ยนแปลง และในทางตรงกันข้าม โอบกอดการเปลี่ยนแปลงนั้นและสร้างวิวัฒนาการไปในบริบทที่ก่อกำเนิดใหม่นั้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาอย่างมีพลวัติ
นั่นคือวิธีเดียวที่เราจะสร้างการคงไว้ให้ดำรงอยู่สำหรับชีวิต