(Proverb)
สัมภาระที่คนแบกหามขนไปด้วยความร่าเริง ย่อมเป็นของที่เบา – สุภาษิต (ท.ปรีชา)
สุภาษิตบทนี้สามารถอ่านได้สองอย่างด้วยกัน คือ เป็นเพราะเราเลือกที่จะแบกของเบา เราจึงจะเป็นสุข หรือว่า ที่เราดูจะเป็นสุขอยู่ เพราะเราเลือกแบกของที่เบา
ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่อยากมีความสุข ทุกคนย่อมมีความสุขเป็นปราถนาสูงสุดในชีวิต และการเลือกแบกของที่เบานั้น ย่อมเป็นทางเลือกที่ปรากฏว่าฉลาดเฉลียวกว่า โดยไม่ต้องสงสัย ถ้าให้คนในยุคสมัยนี้เลือก แน่นอนว่าการเลือกแบกที่เบานั้น เป็นทางเลือกที่พวกเขาจะเลือกก่อนอย่างรวดเร็ว พวกเขาย่อมเลือกความสุขมากกว่าความยากลำบาก และไม่วายที่จะหันมาหัวเราะคนในยุคก่อนหน้าอย่างเย้ยหยัน และมองว่าการแบกของที่หนักนั้น ช่างล้าสมัย และโง่เขลาสิ้นดี
หรือถ้าจะมองให้อ้างอิงกับแนวคิดของพุทธศาสนา การปล่อยวางสิ่งที่เราเห็นว่าสลักสำคัญ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดี และทำให้เรามีความสุข
แต่เมื่อมองในอีกนัยหนึ่ง ในขณะที่เรามีความสุขอยู่นั้น มันเป็นความสุขอยู่ได้เพราะเราเลือกที่จะแบกของที่เบา ไม่มีการรู้แจ้งใดๆที่ได้มาด้วยความสุขหรือสะดวกสบาย ความรู้ ฐานะ ปัญญา ล้วนได้มาเพราะเราเลือกที่จะแบกสัมภาระที่ใหญ่กว่าตัวเราไว้บนบ่าของเรา และเริ่มต้นออกเดิน แน่นอนว่าในการเดินทางนั้น ย่อมไม่ได้เป็นความสุข มันจะเป็นความยากลำบากเพราะภาระที่หนักอึ้งเหล่านั้น แต่เมื่อถึงปลายทาง ของที่เราแบกมาด้วยที่ใหญ่เกินตัวเรานั้น ย่อมเป็นประโยชน์แก่ตัวเราและผู้อื่นได้มากมายนัก และเวลาที่เราได้วางของเหล่านั้นที่ปลายทาง เราจะได้ความสุขที่แท้จริง และปัญญาที่แท้จริง
ไม่มีความหมายใดที่ถูก หรือความหมายใดที่ผิด มีแต่ความหมายที่เราเลือก และเราต้องเลือกด้วยว่าความหมายของความสุขที่แท้จริงคือสิ่งใด ในการเดินทางของเรานั้น