มนุษย์ส่วนใหญ่สร้างตัวเองมาจากอดีต และไม่ใช่สร้างจากอนาคตของเขา
ในการบรรยายของผมในวันหนึ่งที่งานของช่างชุ่ย ผมได้มีโอกาสพบกับคนหลายคนที่ดูเหมือนว่าอนาคตเขาถูกหยุดไว้ ชายคนหนึ่งมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ดูเหมือนจะไปได้ดี มีอนาคต แต่ไม่สนใจที่จะขยายบริษัทด้วยบทสนทนาที่ว่า ฉันมีความสุขกับชีวิตแค่นี้แล้ว ในขณะที่ภรรยาของเขาเชื่อว่าเขาจะไปได้ไกลกว่านี้ และสร้างความสุขให้กับลูกน้อง และผู้คนได้มากกว่านี้
เด็กสาวคนหนึ่ง อยากจะเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงแบบผม แต่เมื่อผมถามเขาว่าเขาจะลงมือทำอะไรบ้างเพื่อให้ได้มีชีวิตแบบที่ผมมี เธอกลับตอบอย่างไม่มันใจ เธอไม่ได้คิดเลยแม้แต่น้อยว่ามันจะเป็นไปได้
สุภาพสตรีอีกท่านหนึ่ง มีความฝันอยากทำธุรกิจ อยากสร้างสรรค์สิ่งต่างๆมากมาย เธอบอกผมว่าเธออยากคิดแบบสร้างสรรค์เป็น เธอมีความรู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนแบบสร้างสรรค์ และเธอไม่สามารถสร้างสรรค์อะไรได้หรอก และเธออยากให้ผมทำให้เธอเห็นว่าเธอจะลงมือทำความฝันหลายอย่างเหล่านั้นให้สำเร็จลงได้อย่างไร
มนุษย์ทุกคนล้วนถูกหยุดไว้จากอนาคตที่เหลือของทั้งชีวิตเขา เพียงเพราะว่าเขาเชื่อว่า ‘ปัจจุบัน’ ของเขานั้นถูกสร้างขึ้นมาจาก ‘อดีต’ ของเขา เจ้าของบริษัทรับเหมาไม่คิดว่าเขาจะทำบริษัทใหญ่กว่านี้ได้ เพราะเขาไม่เคยทำมันมาก่อน เด็กสาวไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงได้เพียงเพราะว่ามันไม่มีหลักฐานใดๆเลยใน ‘อดีต’ ที่บอกว่าเขาจะทำเช่นนั้นได้ และความฝันที่จะทำธุรกิจต่างๆของคุณผู้หญิงทั้งนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลย เพราะเธอไม่เชื่อว่าเธอจะสร้างสรรค์อะไรได้ เพราะว่าเธอไม่เคยสร้างสรรค์อะไรมาก่อนเช่นกัน
มันเป็นความจริงเช่นนั้นหรือที่เราถูกจำกัดอยู่ในเส้นทางของอนาคตที่ถูกจำกัดโดยปัจจุบันของเราที่สร้างมาจากอดีตของเรา
ในการทดลองที่ผมสร้างขึ้นในการบรรยาย ผมขอให้เด็กสาวที่อยากเป็นสถาปนิกท่านนั้นขึ้นมาที่หน้าเวที ผมยืนอยู่ด้านซ้ายของเธอ และมีขวดน้ำใบหนึ่งวางอยู่ด้านขวาของเธอ ผมขอให้เธอเดินไปหยิบขวดน้ำนั้นมาให้ผม ทันทีที่เธอเริ่มเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำ ผมก็ถามเธอว่าอะไรที่ทำให้เธอ ‘เริ่ม’ ลงมือเดินไปหยิบขวดน้ำ ภาพอะไรที่เธอเห็นในสมองเธอในเสี้ยววินาทีก่อนทีเธอจะเริ่มขยับมือไปหยิบขวดน้ำนั้น เธอบอกว่า ภาพที่เธอเห็นก็คือมือของเธอที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบขวดน้ำนั้น ผมถามเธอให้แน่ใจว่า ภาพที่เธอเห็นนั้นมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ปัจจุบัน หรือ อนาคต ผมถามย้ำหลายครั้งจนเธอมั่นใจว่า สิ่งที่เธอเห็นนั้นมันเป็นภาพเสี้ยววินาทีในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น และการเห็นภาพนั้นเป็นการกำหนดให้เธอลงมือทำในปัจจุบัน
นักประสาทวิทยาที่ศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์มาหลายปี ก็จะสามารถอธิบายได้ชัดเจนว่า วิธีการทำงานของสมองมนุษย์นั้น ก็คือการที่สมองสร้างภาพของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีข้างหน้านั้นขึ้นในหัวเพื่อกำหนดให้เกิดการสั่งงานไปที่กล้ามเนื้อต่างๆให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเหล่านั้นเพื่อประกอบภาระกิจใดๆให้สำเร็จ การลงมือ ‘ทำ’ ของเราในปัจจุบันทั้งหมดนั้น ล้วนเกิดขึ้นจากการสร้างภาพที่ชัดเจนในหัวของเราสำหรับอนาคตที่กำลังจะมาถึงทั้งสิ้น และนั่นเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เกิดการลงมือ ‘ทำ’ ทุกอย่างในชีวิตเรา
การลงมือทำของเราเกิดจากการสร้างความเป็นไปได้ของเราในอนาคต และเราไม่เคยลงมือทำมาจากอดีตของเราเลย
ผมได้ให้ทั้งสามคนได้มีโอกาสสร้างภาพของตัวพวกเขาขึ้นในอนาคตในฐานะของความเป็นไปได้ เจ้าของบริษัทรับเหมาได้มีโอกาสเห็นภาพกิจการของเขาขยายออกไปใหญ่โตกว่าเดิมอีกหลายเท่า เขามีรายได้มากขึ้นไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่เพื่อที่เขาจะได้ดูแลลูกน้องเขาทุกๆคน รวมถึงครอบครัวของลูกน้องเขาทุกๆคนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เขาเริ่มมองเห็นว่า เขาสามารถออกมาจากความสะดวกสบายของเขาได้ไม่ใช่แค่เพียงทำให้ตัวเขามีเงินมากขึ้น แต่เพื่อเติมเต็มชีวิตผู้อื่นรอบๆตัวเขา รวมทั้งภรรยาของเขาให้มีความสุขขึ้นต่างหาก สถาปนิกสาวตั้งใจที่จะกลับไปบ้านและเริ่มเขียนรายการสิ่งที่เธอต้องทำต่างๆเพื่อให้แน่ใจว่าอีก 20 ปีข้างหน้า เธอจะกลายเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงไม่น้อยกว่าผม และนักธุรกิจสาวท่านนั้นก็เล่าความฝันของเธอในการทำธุรกิจของเธออย่างพรั่งพรู เธอมีความฝันที่จะทำร้านกาแฟ หอพัก เป็นของตัวเอง และเธอก็เริ่มมองเห็นว่าสิ่งเดียวที่หยุดเธอไว้ก็คือวิธีที่เธอพร่ำบอกกับตัวเองว่า ฉันนี่ไม่ใช่คนสร้างสรรค์เอาเสียเลย ซึ่งการที่เธอเชื่อว่าเธอเป็นคนแบบนั้นล้วนถูกสร้างขึ้นจากอดีตของเธอและไม่ได้ถูกสร้างขึ้นจากอนาคตของเธอ และวิธีเดียวที่จะทำให้เธอลงมือทำในปัจจุบัน ก็คือการสร้างความเป็นไปได้ของธุรกิจของเธอขึ้นในอนาคตให้ชัดเจน สิ่งนั้นเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เธอลงมือ ‘ทำ’ ในปัจจุบันเท่านั้น
ชีวิตของมนุษย์ จะลงมือทำหรือไม่ ขึ้นอยู่กับอนาคตที่เราสร้าง ในวินาทีที่เราเป็นอิสระจากอดีตของเราเท่านั้น เราถึงจะได้มีโอกาสลงมือทำอะไรบางอย่างในปัจจุบัน เพื่ออนุญาตให้ชีวิตเราได้เดินหน้าต่อไป